วันพฤหัสบดีที่ 26 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

10 อันดับ มหาวิทยาลัยรัฐบาลน่าเรียนที่สุดในประเทศไทย


" 10 อันดับ มหาวิทยาลัยรัฐบาลน่าเรียนที่สุดในประเทศไทย "
โดย:ไทยรัฐออนไลน์    ทั้ง 10 อันดับไม่มีการเรียงอันดับ

1.จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
เดิมคือ โรงเรียนฝึกหัดวิชาข้าราชการพลเรือน ใน พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว
ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ว่า จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และ ตราพระเกี้ยว เป็นมหาวิทยาลัยแห่งแรกของประเทศไทย  4 คณะแรกคือ คณะรัฐประศาสนศาสตร์(โรงเรียนข้าราชการพลเรือนเดิม ปัจจุบันเปิดใหม่คือ คณะรัฐศาสตร์ ) คณะแพทยศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยได้รวมโรงเรียนราชแพทยลัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของคณะ คณะอักษรศาสตร์และวิทยาศาสตร์ และ คณะวิศวกรรมศาสตร์

2.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
เมื่อโรงเรียนกฎหมาย กระทรวงยุติธรรม ถูกโอนเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งใน คณะนิติศาสตร์และรัฐศาสตร์ จุฬาฯ เป็นเวลา 8 เดือน ทำให้กลุ่มนักเรียนไม่พอใจไปปรึกษากับอาจารย์ปรีดี และในที่สุด ก็มีการจัดตั้งมหาวิทยาลัยแห่งที่ 2 ของไทยขึ้น ในชื่อ มหาวิทยาลัยวิชาธรรมศาสตร์และการเมือง พร้อมโอนทรัพย์สินทั้งหมดของโรงเรียนกฎหมาย และ คณะรัฐศาสตร์ จุฬาฯ มาขึ้นต่อมหาวิทยาลัยแห่งใหม่  4 คณะแรกคือ คณะรัฐศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ คณะเศรษฐศาสตร์ และ คณะพาณิชยศาสตร์และการบัญชี เมื่อถึงสมัยรัฐบาลหนึ่งได้ถูกตัดคำว่าการเมืองออก และ ได้ใช้ชื่อมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มาจนถึงปัจจุบัน

3.มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์
แรกเริ่มคือโรงเรียนช่างไหม และชื่ออื่นๆ รัฐบาลได้รวมโรงเรียนกระทรวงเกษตราธิการและโรงเรียนวนศาสตร์(โรงเรียนป่าไม้เดิม จังหวัดแพร่) ขึ้นเป็น มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์  4 คณะแรกคือ คณะเกษตร คณะวนศาสตร์ คณะประมง คณะสหกรณ์ เป็นมหาวิทยาลัยแห่งที่ 3 ของไทย

4.มหาวิทยาลัยมหิดล
เดิมชื่อโรงแพทยากรและโรงเรียนราชแพทยาลัยตามลำดับ เมื่อครั้งสถาปนา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย รัฐกาลที่ 6 ได้ทรงรวมโรงเรียนราชแพทยาลัยเข้าเป็นส่วนหนึ่งของ 4 คณะแรก คือ คณะแพทยาศาสตร์แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และได้เปลี่ยนชื่อเป็น คณะแพทยศาสตร์ ในพระราชบัญญัติแห่ง จุฬาฯ เมื่อสมัยรัชกาลที่ 8 ได้จัดตั้งมหาวิทยาลัยแพทยศาสตร์ขึ้น โดยแยกคณะทางสายวิทยาศาสตร์สุขภาพมาขึ้นกับมหาวิทยาลัยแห่งใหม่นี้ และโอนกลับคืนแก่จุฬาฯ และโอนให้คณะแพทยศาสตร์ ม.เชียงใหม่ คณะสัตวแพทยศาสตร์ ม.เกษตรศาสตร์ ในรัชกาลปัจจุบันทรงเปลี่ยนชื่อเป็น มหาวิทยาลัยมหิดล

5.มหาวิทยาลัยศิลปากร
ชื่อเดิมโรงเรียนปราณีตศิลปกรรม กรมศิลปากร มีชื่อเสียงด้านศิลปกรรมและสถาปัตยกรรม

6.มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ชื่อเดิมโรงเรียนฝึกหัดครูชั้นสูง และ วิทยาลัยวิชาการศึกษา ในอดีตเป็นมหาวิทยาลัยที่มีวิทยาเขตมากที่สุดในประเทศไทย ปัจจุบันแต่ละวิทยาเขตแยกตัวเป็นมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่น ม.บูรพา ม.ทักษิณ ม.มหาสารคาม ม.นเรศวร

7.มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
เป็นมหาวิทยาลัยภูมิภาคแห่งแรกของประเทศไทย  คณะแรกตั้งคือ คณะมนุษยศาสตร์ คณะสังคมศาสตร์ คณะวิทยาศาสตร์

8.มหาวิทยาลัยแม่ฟ้าหลวง
ตั้งขึ้นที่จังหวัดเชียงราย โดยการเรียกร้องของชาวบ้านเพื่อสมเด็จย่า ในปี พ.ศ.2548 เคยได้รับการจัดอันดับให้เป็นมหาวิทยาลัยที่สวยที่สุดในประเทศไทย และ สวยที่สุดแห่งเอเชีย

9.มหาวิทยาลัยบูรพา
เดิมชื่อ มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ วิทยาเขตบางแสน จ.ชลบุรี

10.มหาวิทยาลัยขอนแก่น คณะแรกตั้งคือ คณะวิศวกรรมศาสตร์ คณะเกษตรศาสตร์



มหาวิทยาลัยเอกชนและมหาวิทยาลัยราชภัฎจัดอันดับโดยwebometrics สถาบันจัดอันดับประเทศสเปน

" 10 อันดับ มหาวิทยาลัยเอกชนที่ดีที่สุดในประเทศไทย " เรียงลำดับ

1.มหาวิทยาลัยอัสสัมชัญ
2.มหาวิทยาลัยกรุงเทพ
3.มหาวิทยาลัยรังสิต
4.มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย
5.มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีมหานคร
6.มหาวิทยาลัยสยาม
7.มหาวิทยาลัยเกษมบัณฑิต
8.มหาวิทยาลัยศรีปทุม
9.มหาวิทยาลัยหัวเฉลียวเฉลิมพระเกียรติ
10.วิทยาลัยเซนต์หลุยส์


" 10 อันดับ มหาวิทยาลัยราชภัฏที่ดีที่สุดในประเทศไทย " เรียงลำดับ

1.มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา
2.มหาวิทยาลัยราชภัฏยะลา
3.มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต
4.มหาวิทยาลัยราชภัฎพระนคร
5.มหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์
6.มหาวิทยาลัยราชภัฎพิบูลสงคราม
7.มหาวิทยาลัยราชภัฏนครปฐม
8.มหาวิทยาลัยราชภัฎรำไพพรรณณี
9.มหาวิทยาลัยราชภัฏอุตรดิตถ์
10.มหาวิทยาลัยราชภัฏลำปาง

วันพุธที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2559

เตรียมตัวก่อนสอบ
 
เทคนิคการจำ 
1. พยายามทำความเข้าใจเสียก่อน อย่าจำสิ่งที่ไม่เข้าใจ
2. พยายามสัมพันธ์สิ่งที่เรียนใหม่เข้ากับสิ่งที่เรียนมา
แล้วให้ได้
3. พยายามหาเนื้อหาใจความสำคัญให้ได้แล้วจำไว้ก่อน ส่วนย่อยจะมาเอง
4. พยายามบันทึกเนื้อหาอย่างมีระเบียบเป็นลำดับตามขั้นตอนที่เข้าใจง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
5. บทเรียนใดที่ยาวให้แบ่งเป็นส่วน ๆ เสียก่อนอ่าน ทำบันทึก
6. พยายามใช้ขั้นตอนอันเป็นเหตุเป็นผลแก่กันในการช่วยจำ
7. พยายามเรียนให้มาก ถ้าเป็นได้ควรให้มากกว่าที่กำหนดไว้เป็นการขยายความรู้ประสบการณ์ ทั้งทางตรงและทางอ้อม
8. พยายามอย่าหยุดโดยเฉพาะการเรียนวิชาใหม่ หรือวิชายาก โดยแสวงหาความรู้เบี้องต้น และความรู้ก้าวหน้าตลอดเวลา
9. การท่องเป็นจังหวะจะช่วยให้ท่องจำได้ง่ายขึ้น
10. พยายามทบทวน หรือ ทำซ้ำ ๆ ด้วยวิธีการต่าง ๆ เท่าที่โอกาสจะอำนวย

การแก้ความเปลี้ยจากการอ่านหนังสือ
เมื่ออ่านหนังสือนาน ๆ อาจเกิดความอ่อนเพลียทางกายและทางสมองรวมไปถึง
สายตาด้วย ที่มักเรียกกันว่า เกิดความเปลี้ย ผู้รู้ได้แนะวิธีการแก้ (หลังพักพอควร)เพื่อสร้างความสดชื่นขึ้นใหม่ ดังนี้
 
1.แก้ร่างกายเมื่อยขบ เปลี้ยล้า

ใช้การบริหารร่างกาย หรือวิธีโยคะเข้าช่วย เช่น บิดตัวไปทางซ้าย หมุนกลับ
มาทางขวาช้า ๆ เมื่อยคอให้เงยหน้าช้า ๆ ขึ้นลงหลาย ๆ ครั้ง อาจใช้ผ้าเช็ดหน้า
เช็ดทั่วใบหน้าและลำคอแรง ๆ แล้ว นวดบางจุดเบา ๆ หรือใช้น้ำลูบหน้าหากอยู่
ที่บ้านอาจใช้วิธีดัดตน เช่น นั่งคุกเข่าข้างฝาห้อง หันหน้าออกก้มหัวยันพื้น
ใช้เท้าไต่ขึ้นบนฝาผนังห้อง จนตัวตั้งตรง ปล่อยเท้าทีละข้างให้เอนไปข้างหน้า
ช้า ๆ สลับไปมาเลือดจะเข้าสมองมากขึ้น ออกซิเจน จะไปเลี้ยงเซลล์ประสาท
เพิ่มขึ้นช่วยแก้ความเปลี้ยล้าได้มาก
2.แก้ความง่วง เบื่อ ไม่อยากอ่าน
ใช้การหายใจช่วย ครั้งแรงพ่นอากาศออกจากปอดผ่านจมูกให้แรงที่สุด จนหมดสิ้น
ห่อปากให้เป็นรูเล็ก ๆ แล้วพ่นอากาศเสียที่หลงเหลืออยู่ออกไปจนหมด ค่อย ๆ สูด
อากาศดีผ่านจมูกเข้าปอดช้า ๆ อาจนับ ถึง 15 ช้า ๆ ให้อากาศอัดแน่น เต็มปอด
จนสุดจะหายใจเข้าได้อีก แล้วหายใจออกช้า ๆ เหมือนข้างต้น ทำดังกล่าว 2-3 ครั้ง
จะแก้ความง่วง เบื่อการอ่านลงไปได้
(แนะนำว่าถ้าง่วงมาก ๆ ก็อย่าฝืนนะคะ เพราะหากเรารู้สึกทึบ ๆ หรือไม่สบายในวันสอบก็ทำข้อสอบไม่ได้ดีหรอกค่ะ ให้ฟุบลงซักพัก หรือนอนพักสักชั่วโมงสองชั่วโมงก็ดีนะคะ)
3.แก้ความเปลี้ยของการใช้สายตา

เมื่อใช้สายตานานควรพักเสียบ้าง ให้มองสิ่งที่อยู่ไกลโล่ง ๆ ดูยอดไม้เขียว ๆ
มองภาพหรือทิวทัศน์ (ทัศนียภาพ) ที่ห่างออกไปมาก ๆ ถ้าเป็นเวลากลางคืน
ให้มองท้องฟ้า ดูดาวอันระยิบระยับ กล้ามเนื้อตาจะค่อย ๆ คลายตัว
ถ้าอยู่ในห้องใช้การมองผนังห้องติดรูปภาพทิวทัศน์ต่าง ๆ จะช่วยได้มาก
หรือดูทิวทัศน์จากหน้าต่าง มองให้ไกลออกไปให้เต็มที่ (เต็มตา) แล้วหลับตา
ทำจิตให้สงบสร้างสมาธิด้วยการหายใจเข้าออกช้า ๆ หายใจเข้าให้เต็ม (ปอด)
หายใจออกให้หมด จะช่วยแก้ความเปลี้ยและอาการปวดตาลงได้

***ขอเพิ่มอีกนิดนะคะสำหรับการเตรียมตัวสอบในระยะยาว***
-ให้เก็บความรู้ในห้องเรียนให้ได้มากที่สุดและทวนเป็นประจำ
-หัดสรุปโน๊ตย่อสาระสำคัญในแต่ระเรื่องจะช่วยให้ความจำดีขึ้น
-พอใกล้ถึงเวลาสอบก็ทบทวนกับสาระที่เราสรุปไว้เอา
-วันสุดท้ายก่อนสอบนอนให้เต็มอิ่มที่สุด
(เดี๋ยววันหลังถ้ามีอีกจะเอามาเพิ่มนะคะ)

ถ้าทำไม่ได้หมดก็ทำข้อที่ทำได้คงช่วยได้บ้างค่ะ
สูบได้ตามสบาย หุหุ
(ขอเม้นนิดหนึ่งนะคะ)

ศัพท์ภาษาอังกฤษน่ารู้


คำศัพท์ภาษาอังกฤษ 100 คำแรกที่ใช้บ่อยสุดๆ สำหรับฝรั่งเขานะครับ เป็นคำที่ใช้พูดในชีวิตประจำวัน แต่เราอาจเห็นว่าบางคำไม่นาจะอยู่ในหมวดหมู่คำที่ใช้บ่อยก็มี แต่สำหรับเจ้าของภาษาเขาบอกว่านี่แหละ ใช้บ่อยสุดๆแล้ว
ว่าแล้วก็มาดูกันเลยครับว่าคำที่ใช้บ่อยที่ว่าหน่ะ มีคำไหนบ้างที่เราไม่รู้จัก อย่าให้เยอะนะครับ เพราะคำเหล่านี้มันเป็นคำพื้นฐานอยู่แล้ว ถ้าไม่รู้จักคำพื้นฐานเหล่านี้ก็แย่เลย
ที่คำศัพท์คำอ่านคำแปล
1aอะหนึ่ง
2aboutอะเบ้าประมาณ, เกี่ยวกับ
3allออลทั้งหมด
4anแอนหนึ่ง
5andแอนดและ
6areอาเป็น อยู่ คือ
7asแอสราวกับ, เพราะว่า
8atแอทที่
9beบีเป็น อยู่ คือ
10bigบิกใหญ่
11butบัทแต่
12byบายโดย
13canแคนสามารถ
14doดูทำ
15downดาวนลง
16fatherฟ๊าเดอะพ่อ
17firstเฟิสทที่หนึ่ง
18forฟอสำหรับ
19fromฟรอมจาก
20goodกุดดี
21hateเฮทเกลียด
22haveแฮฝมี
23heฮีเขา
24herเฮอหล่อน
25himฮิมเขา
26hisฮิสของเขา
27Iไอฉัน
28ifอิฟถ้า
29inอินใน
30intoอินทูไปใน
31isอิสเป็น อยู่ คือ
32itอิทมัน
33justจัสทเพิ่งจะ, เพียงแค่
34likeไลคชอบ
35listenลิ๊สซึนดฟัง
36littleลิ๊ทเทิลเล็ก
37loveลัฝรัก
38makeเมคทำ
39manแมนผู้ชาย
40manyเม็นนิมาก
41mayเมอาจจะ
42moreมอมากกว่า
43mostโมสทที่สุด
44motherมั๊ธเดอะแม่
45myมายของฉัน
46nearเนียใกล้
47noโนไม่
48notน็อทไม่
49nowนาวตอนนี้
50ofออฟของ
51onออนบน
52oneวันหนึ่ง
53onlyโอ๊นลิเท่านั้น
54orออหรือ
55otherอั๊ธเดอะอื่น
56outเอ๊าทออก, นอก
57overโอ๊เวอะเหนือ
58peopleพี๊เพิลผู้คน
59readรีดอ่าน
60saidเซดพูด
61sayเซพูด
62seeซีเห็น
63sheชีหล่อน
64shouldชุดน่าจะ
65slowสโลช้า
66smallสมอลเล็ก
67soโซดังนั้น
68someซัมบาง (คน, อัน, ตัว)
69stopสต็อพหยุด
70thanแดนกว่า
71thatแด็ทนั่น
72theเดอะ
73thenเด็นต่อมา
74thereแดที่นั่น
75theyเดพวกเขา
76thisดิสนี่
77throughธรูผ่าน
78toทูสู่
79trueทรูจริง
80twoทูสอง
81upอัพขึ้น
82useยูสใช้
83veryเว๊ริมาก
84wasวอสเป็น อยู่ คือ
85waterว๊อเทอะน้ำ
86wayเวทาง
87weวีพวกเรา
88wereเวอเป็น อยู่ คือ
89whatว็อทอะไร
90whenเว็นเมื่อไหร่
91whereแวที่ไหน
92whichวิชอันไหน
93whoฮูใคร
94willวิลจะ
95withวิธกับ
96womanวู๊เมินผู้หญิง
97wouldวุดจะ
98writeไรทเขียน
99yesเยสใช่
100youยู